หนุมาน ล.ปเม้า พิมพ์หน้ายักษ์ เปียกทอง ปี18
|
|||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||
ส่งข้อความ
|
|||||||||||||||||
ชื่อร้านค้า
|
บี บุรีรัมย์ | ||||||||||||||||
โดย
|
บี บุรีรัมย์ | ||||||||||||||||
ประเภทพระเครื่อง
|
พระเกจิทั่วไป | ||||||||||||||||
ชื่อพระ
|
หนุมาน ล.ปเม้า พิมพ์หน้ายักษ์ เปียกทอง ปี18 |
||||||||||||||||
รายละเอียด
|
ขุนพลหน้ายักษ์ "เปียกทอง" งดงามล้ำค่า ทรงคุณค่าทั้งงานศิลป์และเชิงช่าง จากตำนานหลวงพ่อทวดเนื้อโลหะปี05 อันลือลั่น ในพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร...สู่ตำนานหนุมาน ยอดเครื่องรางแดนอีสาน! *** หนุมานหลวงปู่เม้า นับได้ว่าเป็นสุดยอดเครื่องรางแดนอีสานใต้ที่มีมนต์เสน่ห์ และความงามในแบบหล่อโบราณที่เข้มขลัง เป็นเอกลักษณ์ ***( ตอนนี้จัดอยู่ในทำเนียบเครื่องรางยอดนิยม และสุดยอดเครื่องรางแดนอิสานของเมืองบุรีรัมย์ )เพราะถ้าจะนับเอาปีที่สร้าง คนที่สร้าง อาจารย์ที่ปลุกเสก หรือประสบการณ์ที่มีแล้วล่ะก็...สุดยอดคร้าบบบ!!! "เจ้าทองอ่อน"...พิมพ์หน้ายักษ์ เป็นอีกหนึ่งพิมพ์มาตรฐานที่หลายคนยังไม่รู้จัก เพราะขาดการนำเสนอ มีเอกลักษณ์และหายากกว่าพิมพ์นิยม(ตัวหนังสือจม และตัวหนังสือนูน)...จัดสร้าง ปี17 บ้างว่า18 และเทหล่อกันที่วัดสี่เหลี่ยม หล่อโบราณสำริดอุดกริ่ง(มีทั้งอุดกริ่ง และไม่อุดกริ่ง)...ตนนี้เนื้อทองสำริด "เปียกทอง" (กรรมการ) ผิวเป็นมุ้งทั้งองค์ ***ทองสัมฤทธิ์ จะมีเนื้อทองคำผสมรวมอยู่ด้วย ถ้าเอากล้องส่องพระส่องดูเนื้อหาจะเห็นลายมุ้ง อยู่ที่เนื้อหาพระเพราะทองคำเป็นแร่ที่มีความหนักที่สุด เมื่อเวลาอุณภูมิเย็นลงนิดเดียวก็ทำให้เนื้อทองคำแยกตัวออกมาก่อน ทำให้ไปดึงเนื้อโลหะอื่น ทำให้ยับย่นคล้ายขึ้นลายมุ้ง เหมือนพระกรุเก่า แต่จริงๆเป็นหลักการทางวิทยาศาสตร์*** มันส์เข้มเต็มฟอร์ม กริ่งคู่ลื่นดังกังวาล รอยตะไบคมชัดเจน ทรงคุณค่ามากมายสำหรับพระที่เปียกทองเก่ามาแต่โบราณ "พิมพ์นี้มักจะพบเจอในเนื้อหาสำริดจัดจ้าน มีทั้งอาบปรอท มีทั้งพรายเงิน" สุดยอดเครื่องรางของภาคอีสาน และขึ้นทำเนียบหนุมานระดับประเทศ "เปียกทอง" ตามพจนานุกรมคือการเคลือบผิวโลหะด้วยเงินหรือทองคำ โดยการใช้ปรอทละลายเงินหรือทองให้เป็นของเหลว แล้วทาลงบนโลหะ จากนั้นจะไล่ปรอทออกโดยใช้ความร้อน ทองคำก็จะติดเคลือบอยู่บนผิวโลหะที่ต้องการ...การเปียกทอง ก็คือการกะไหล่ทองแบบโบราณ ต้องทาแล้วใช้ไฟเป่าไล่ปรอทออก แล้วทาใหม่ไฟเป่าใหม่ หลายๆครั้งหลายๆรอบจนกว่าจะเคลือบเต็มพื้นที่ เพราะไม่ใช่ติดง่ายๆทำทีเดียวเสร็จ การเปียกทองจึงค่อนข้างจะหนา และเนื้อทองจะติดแน่นกับสิ่งนั้น ทำได้ยาก การเปียกทองจึงเป็นศิลป์เชิงช่างชั้นสูง มีเสน่ห์มาแต่โบราณ พระที่เปียกทองจึงมีคุณค่ามากกว่า การกะไหล่ทองแบบสมัยใหม่ และยังติดแน่นและคงทนกว่าการ “ชุบ” ทองด้วยไฟฟ้าในปัจจุบัน (เปียกทอง ซึ่งต่างจากเนื้อกะไหล่ทอง มีท่านผู้รู้บอกว่า การเปียกทอง คือ การนำองค์พระไปชุบปรอท แล้วเอาองค์พระแช่ลงในน้ำทองคำเหลวที่ยังไม่หายร้อนจากการหลอม ทำให้เนื้อทองคำเกาะติดผิวพระแทนที่ปรอทที่ถูกหลอมละลายออกไป ด้วยเหตุนี้ พระเปียกทอง จึงมีผิวทองคำหนากว่าการกะไหล่ทอง) ...ท่านปลุกเสกหนุมานแบบรู้จริง ดีจริงทรงฤทธิ์จริง คุ้มตัวได้จริง ตามตำราวิชาโบราณ และมีหนุมานตนแม่ตนครูที่ทำไว้บูชาอยู่บนเขาพนมรุ้ง...อารธนาติดตัวคิดทำสิ่งใดก็สำเร็จ มีคนรักคนเมตตาเป็นที่รักใคร่ของญาติมิตรวงศ์วาน และผู้ที่ได้พบปะพูดคุย การงานจะเจริญก้าวหน้ารุ่งเรือง มีโชคลาภ วาสนา แคล้วคลาดปลอดภัย นิรันตรายประสบการณ์มากมายบรรยายไม่หมด คนใช้เท่านั้นถึงจะรู้เอง ขอบอก(มะอะอุ หะนุมานะ นะสังสะตัง นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะพะกะสะ) ( เมื่อหลวงปู่เม้ามรณะภาพแล้ว ทางคณะกรรมการได้นำไหที่บรรจุวัตถุมงคลของหลวงปู่เม้า เปิดให้ประชาชนบูชาเพื่อนำปัจจัยมาสร้งพระอุโบสถวัดสี่เหลี่ยมให้แล้วเสร็จ โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเป็นองค์ประธานเปิดไห มีวัตถุมงคลที่อยู่ในไหหลายอย่าง อาทิรูปหล่อโบราณ พระปิดตา หนุมาน สมเด็จ เหรียญ กริ่งเชียงแสน ล็อกเก็ต เป็นต้น...ถ้าไม่นับวัตถุมงคลที่เป็นเนื้อทองคำแล้ว เนื้อเมฆพัตร และเนื้อสำริดเป็นเนื้อที่ออกให้เช่าบูชาแพงที่สุด อย่างกริ่งหนุมานเนื้อสำริด ราคาเช่าบูชาจะเท่ากับเหรียญเงิน เรยทีเดียว ) หลวงปู่เม้า พลวิริโย วัดสี่เหลี่ยม อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ท่านเป็นเกจิอาจารย์ที่มีอายุยืนยาวถึง 102ปี บารมีแก่กล้า วาจาศักด์สิทธิ์(ในปากท่านเป็นลิ้นดำ)เป็นพระอริยสงฆ์ที่มีเมตตาธรรมขั้นสูงสุด ที่รู้อดีตปัจจุบันและอนาคต ท่านเป็นพระวัดบ้านป่าที่คนระดับหม่อมราชวงค์และนายกรัฐมนตรี ให้ความเคารพนับถือ พระดังๆทั่วประเทศมีมากมายแต่นายกรัฐมนตรีสัญญาธรรมศักดิ์ เลือกที่จะนิมนต์พระป่าอย่างหลวงปู่เม้าลงไปช่วยปัดเป่าทุกข์ภัยที่ทำเนียบให้แก่บ้านเมือง...มีพระอุปัชฌาย์คือ หลวงพ่อเพียร วัดถนนหัก และเคยออกธุดงค์กับหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย...เป็นพระที่มีศีลบริสุทธิ์และเรืองวิทยามีทยานจิตสูง ท่านครองผ้าเหลืองตั้งแต่เป็นเณรด้วยจริยาวัตรที่หมดจดงดงาม ไม่บกพร่องด่างพร้อยแต่ประการใด อีกทั้งเป็นพระเถระที่มีความเชี่ยวชาญในวิทยาคม และเคร่งครัดในการวิปัสสนากรรมฐานที่สูงอีกรูปหนึ่ง ด้วยชื่อเสียงกิติศักดิ์เป็นที่เลื่องลือในหมู่ชนทุกๆถิ่นฐานท่าน จอมพล ป.พิบูลย์สงคราม ท่านได้เดินทางมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงปู่เม้าและเลื่อมใสเคารพศรัธานับถือ หลวงปู่เม้ามากท่านจอมพล ป.ได้สร้างพระถวายหลวงปู่เม้าด้วย เมื่อตอนท่านมีอายุครบ 100 ปี ท่านก็ยังเดินได้คล่องไม่แพ้คนหนุ่ม ซึ่งนับว่าท่านเป็นพระเถระที่มีอายุยืนและมีวาสนามาก ...ในปีพ.ศ. 2517 พ.อ.พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร(ประธานจัดสร้างลป.ทวดเนื้อโลหะปี05)ท่านยัง ทรงเป็นประธานจัดสร้างพระถวายหลวงปู่เป็นพิเศษ...นั่นก็คือกริ่งหนุมาน เหรียญรุ่นพิเศษ และผ้ายันต์ ***เนื่องด้วยหม่อมท่านโปรดปรานหนุมาน และต้องการจะทำหนุมาน โดยทราบถึงความเข้มขลังในเวทวิยาคม ในเรื่องวิชาการสร้างและเสกหนุมานของหลวงปู่เม้า*** นอกจากความรู้ต่างๆที่มี หลวงปู่เม้าท่านยังชำนาญเรื่องภาษาเขมรท่านได้นำเอาพระคาถามหาเศรษฐีเป็น ลายแทงจากแผ่นศิลาจารึกอักษรขอมจากปราสาทเขาพนมรู้งมาศึกษาแล้ว นำมาใช้กับวัตถุมงคลที่ท่านทำแจกลูกศิษย์ท่าน อีกทั่งท่านยังเป็นพระสหมิกธรรมกลับคูรบาอาจารย์ในจังหวัดบุรีรัมย์ รวมทั้งหลวงปู่สุขวัด โพธิ์ทรายทอง อีกทั้งหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ด้วย...พระวัดบ้านป่าอีกรูปที่ผมเคารพนับถือ( ให้ทั่วประเทศรู้ว่าพระบ้านเรามีดี ) *** หนุมานลป.เม้า ปฐมบทเริ่มต้นของ หนุมาน500 *** หนุมาน เป็นเครื่องรางของหลวงปู่ทิม ชนิดหนึ่งที่ผมมีส่วนในการสร้างนอกเหนือไปจาก พระกริ่งชุดชินบัญชร, เหรียญต่างๆ และพระเนื้อผง สาเหตุของการสร้างมาจากลูกชายคนโตของผมซื่งขณะนั้น (ปี พ.ศ.๒๕๑๗) มีอายุเพียงสามขวบเศษ เป็นเด็กที่เลี้ยงยาก มักป่วยไข้และเจ็บป่วยอยู่เสมอ เป็นมากเข้าภรรยาผมถึงกับเครียดหนัด ต้องเข้าหาที่พึ่ง พระองค์หนึ่งท่านจึงดูให้และทำนายว่า เด็กคนนี้มีบุญบารมีเกินพ่อเกินแม่ ต้องเอาไปยกให้เป็นลูกของผู้มีศีลบริสุทธิ์ มิฉะนั้น จะอายุไม่ยืน พอดีกับในระยะนั้น ผมไปพบหลวงปู่ทิมเข้าพอดี จึงเอาลูกชายนั่งรถไปหาหลวงปู่ทิมด้วยและยกให้เป็นลูกท่าน หลวงปู่ทิมก็รับเป็นลูกและฝากผมกับภรรยาผมช่วยเลี้ยงให้ด้วย แล้ว ท่านปรารถว่าอยากจะทำของขวัญให้ลูกไว้ติดตัว และท่านก็มองมาที่ผม บอกเอาของในกระเป๋าเสื้อมา ก่อนไปหาหลวงปู่ทิม ครั้งนั้น ผมได้ไปเช่าหนุมานของ หลวงปู่เม้า พลวิริโย วัดสี่เหลี่ยม จังหวัดบุรีรัมย์ มาองค์หนึ่ง ผมจึงหยิบออกมาให้ท่าน หลวงปู่ทิมท่านรับไปแล้วก็เอาเข้าไปในกฏิ วันนั้นเป็นวันเสาร์และคืนนั้นผม, ภรรยา, ลูกชายและเพื่อนๆ ก็ค้างอยู่หน้ากุฏิท่าน ก่อนที่ผมจะลากลับกรุงเทพฯในเย็นวันอาทิตย์ หลวงปู่ทิม ท่านก็เอาหนุมานมาให้ลูกชายผม บอกเอาไปติดตัวห้อยคอไว้ นี่แหละครับคือจุดเริ่มต้นที่ผมเกิดความคิดที่จะสร้างหนุมานให้หลวงปู่ทิม ปลุกเสกเพื่อนำเงินรายได้ เป็นค่าก่อสร้างปฏิสังขรณ์วัดละหารไร่ ...ข้อความบางส่วนจาก * หนุมานชาญสมร ขุนกระบี่ หลวงปู่ทิม อิสริโก (ปฐมบท) * เขียนโดยคุณ ชินพร สุขสถิตย์ ________________________________________________________________________________________________ (สัมฤทธิ์-สำริด)...มีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤต ตรงกับภาษาบาลีว่า สมิทฺธิ หมายถึง“ ความสำเร็จ ”...สุวรรณภูมิเริ่มรับวัฒนธรรม และคติความเชื่อทางศาสนาจากชมพูทวีป(อินเดีย)เมื่อประมาณ 1,800 ปีที่แล้ว จึงนำโลหะสำริดซึ่งมีคุณสมบัติเหมาะสมกว่าเหล็ก ไปหล่อเป็นรูปเคารพสร้างสรรค์เป็นงานศิลปกรรม เพื่อสนองตอบความเชื่อ ประเพณีและพิธีกรรม เช่นสร้างเป็นเทวรูป พระพุทธรูป พระโพธิสัตว์ ฯลฯ ยกย่องเป็นสิ่งของศักดิ์สิทธิ์ สามารถดลบันดาลให้สำเร็จประโยชน์ และทำให้อยู่เย็นเป็นสุข ตามความเชื่อในแต่ละลัทธิศาสนา โลหะ สัมฤทธิ์โบราณ ประกอบไปด้วยธาตุบริสุทธิ์ตั้งแต่ 3 ชนิดขึ้นไปโดยมี แร่ทองคำและเงินเป็นหลัก ถ้าไม่มีจะไม่ถือว่าเป็นสัมฤทธิ์ และที่เป็นหลักอีกอย่างคือทองแดง ซึ่งจะใช้มากเพื่อให้ได้ปริมาณ |
||||||||||||||||
ราคา
|
- | ||||||||||||||||
เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ
|
092-6924256 | ||||||||||||||||
ID LINE
|
thanamat624 | ||||||||||||||||
จำนวนการเข้าชม
|
1,781 ครั้ง | ||||||||||||||||
บัญชีธนาคารที่ใช้ยืนยันตัวตน
|
ธนาคารไทยพาณิชย์ / 773-2-28000-9
|
||||||||||||||||
|