หนุมานพิมพ์นิยมตัวหนังสือนูน ปี17 หลวงปู่เม้า วัดสี่เหลี่ยม

หนุมาน หลวงปู่เม้า พลวิริโย วัดสี่เหลี่ยม จ.บุรีรัมย์
พิธีปลุกเสกระหว่างปี 2517- 2518

"มะอะอุ หะนุมานะ นะสัง สะตัง นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะพะกะสะ" ท่อง 3 จบ จะได้ผลดีีนักแล

หนุมาน นับว่าเป็นวัตถุมงคลของหลวงปู่เม้า พลวิริโย ที่สร้างชื่อเสียงทำให้ท่านเป็นที่รู้จักของคนทั่วประเทศ ซึ่งเกิดจากประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ผู้บูชาได้ประสบพบเจอ ไม่ว่าจะเป็น ทหาร ตำรวจ พ่อค้า ประชาชน ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่ามีความเมตตา มหานิยม คงกะพัน ชาตรี เป็นเลิศ เนื่องจากตัวหนุมานเองก็เป็นทหารเอกของพระราม อยู่แล้วนั้นเอง.

หลวงปู่เม้า พลวิริโย วัดสี่เหลี่ยม อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ บิดาชื่อปืน สุราราช มารดาชื่อเขียว สุราราช เกิดที่ตำบลนางรอง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ อุปสมบทเมื่ออายุ 22 ปี ที่วัดถนนหัก อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ โดยอุปัชญาย์เพียร เป็นพระอุปัชญาย์ ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดถนนหัก 5 พรรษา แล้วท่านก็ได้ออกธุดงค์ไปทั่วประเทศ
หลวงปู่เม้า เป็นพระที่เคร่งครัดในธรรมวินัย จนเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านที่ท่านได้ไปจำพรรษา จวบจนท่านอายุ 102 ปี ท่านจึงได้มรณะภาพลง ในปี พ.ศ.2519
ท่านเป็นอาจารย์ที่เรืองวิทยามียานจิตสูงรูปหนึ่งและเป็นพระที่มีศีล บริสุทธิ์กล่าวคือหลวงปู่ท่านได้เข้ามาอยู่ในร่มกาสาวพัสตร์เมื่ออายุได้ เพียง13ปี จนถึงปัจจุบันนี้ท่านมีอายุ102 ปีนับได้ว่า ท่านเป็นพระอาจารย์ที่บวชพรรษาสูงที่สุดในยุคนี้ (หลวงปู่เกิดวันที่23 พ.ค.2416)
หลวงปู่ท่านอยู่ในร่มกาสาวพัสตร์ถึง 89 พรรษายากที่จะมีพระอาจารย์เช่นหลวงปู่ท่านนี้ได้ เมื่อสมัยสงครามอินโดจีนเกือบทุกท่านคงทราบความขลังของอาคม ที่หลวงปู่ท่านเม้าได้ปลุกเสกสิ่งมงคลต่างๆ โดยเฉพาะผ้ายันต์และตะกรุดโทนอันลือชื่อบรรดาทหารหาญที่ได้รับผ้ายันต์หรือ ตะกรุดโทนทุกๆ ท่านต่างได้รับความปลอดภัย แคล้วคลาดจากภัยในสมรภูมิได้ทุกท่านราวปฎิหาริย์เมื่อท่านจอมพล ป.พิบูลย์สงคราม ท่านทราบข่าวถึงความปลอดภัยแคล้วคลาดจากภัยอันตรายต่างๆ อย่างน่าอัศจรรย์ กิติศักดิ์เป็นที่เลื่องลือ ในหมู่ชนทุกๆ ถิ่นฐาน จอมพล ป.พิบูลย์สงคราม ถึงกับฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงปู่และเลื่อมใสนับถือหลวงปู่เม้ามาก
หลวงปู่เม้า ได้รับการศึกษาจากพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังต่างๆ ในยุคนั้นมากมายโดยเฉพาะวิชาวิปัสสนากัมมัฎฐาน จากพระอาจารย์เพียร ซึ่งเป็นที่ยอมรับของพระอาจารย์เพียรท่านเป็นยอดในวิชาวิปัสสนากัมมัฎฐานและ ยังได้ศึกษาเพิ่มเติมจากพระอาจารย์อื่นๆ อีกมาก เช่นพระอาจารย์ครุฑ พระอาจารย์นิลและ พระอาจารย์ดา พระอาจารย์นิลและ พระอาจารย์เสาร์เป็นต้น นับว่า หลวงปู่เม้าได้รับการประสิทธ์ประสาทวิชาจากพระอุบัชณา ที่มีชื่อมากมายหลวงปู่เม้าท่านไม่เคยเห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยหรือประโยชน์ ส่วนตัวเลยท่านได้ทำนุบำรุงสร้างความเจริญให้กับวัดอารามต่างๆ ถึง 6 วัดคือวัดใหม่เรไร่ทอง วัดบ้านถนนหัก วัดบ้านตะโก วัดสังเวทกิริญาวาส วัดบ้านหนองยายพิมและ วัดสี่เหลี่ยม ซึ่งท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่ในปัจจุบันนี้ด้วยในจำนวนวัดที่กล่าวมานี้ท่าน เป็นเจ้าอาวาสเอง ถึงสี่วัดมาแล้วจึงกล่าวได้ว่า ท่านเป็นพระอาจารย์ที่น่าเคารพรับถือมากในยุคนี้อีกท่านหนึ่ง

พระ อุโบสถที่วัดสี่เหลี่ยม นี้อยู่ ซึ่งก็เป็นการยากที่จะให้สำเร็จลุล่วงไปโดยลำพัง เท่าที่กำลังมีอยู่ในวัดนี้ได้จึงได้สร้างสิ่งมงคลต่างๆ ขึ้นเพื่อหาปัจจัยมาเป็นทุนทรัพย์ในการสร้างอุโบสถไว้เป็นที่ระลึกและท่าน ที่ต้องการมีไว้เพื่อเป็นสิริมงคลและแค้วคลาด จากภัยอันตรายต่างๆ อีกทั้งจะได้ทำบุญร่วมในการสร้างโบสถนี้อีกด้วยโดยการเช้าบูชาสิ่งมงคลต่างๆ ที่หลวงปู่เม้าได้ทำพิธีพุทธาณิเษกและปลุกเสกเอง เช่นเหรียญรูปเหมือนปู่เม้ารุ่นที่1 ซึ่งได้หมดไปแล้วจากวัด เพราะสร้างจำนานน้อยมากปัจจัยที่ได้มาก็ไม่เพียงพอยังขาดทุนทรัพย์อีกเป็นจำ นานมาก จึงจำเป็นจะต้องหาปัจจัยอีกเพื่อเป็นทุนทรัพย์ในการก่อสร้างพระอุโบสถหลวง ปู่ท่านจึงได้สร้างสิ่งมงคลรุ่นพิเศษขึ้นโดยมี
พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร ได้ทรงเป็นองค์ประธานจัดงานให้สิ่งมงคลรุ่งพิเศษมีหลายอย่างเช่น
กริ่งหนุมาณ เหรียญรูปเหมือนหลวงปู่เม้ารุ่งพิเศษ พระสมเด็จเนื้อผง พระปิดตามหาลาภเนื้อผง พระบูชาอีกหลายขนาดเป็นต้น ซึ่งยังพอมีเหลืออยู่บ้างได้นำออกให้เป็นบูชาเพื่อหาปัจจัยมาเป็นทุนทรัพย์ แต่ก็มีอุปสรรคด้วยการคมนาคมไม่สะดวกเท่าที่ควร และเป็นการสิ้นเปลืองเวลาของท่านที่ต้องเดินทางมาที่วัดด้วยตนเองหลวงปู่และ กรรมการของวัดจึงคิดว่า ควรจะขอความร่วมมือต่อสถานที่บูชาสิ่งมงคลนี้ให้มากขึ้น และก็ได้รับความร่วมมือจากสถานที่ต่างๆ หลายแห่งเป็นอย่างดี เป็นตัวแทนของทางวัดสี่เหลี่ยมให้เช่าบูชาสิ่งมงคลและเครื่องรางของขลังที่ หลวงปู่เม้าได้ปลุกเสกไม่ว่า ชนิดไหนหรือคราวใดยังคงความขลังให้กับของที่ท่านได้ปลุกเสก ทุกๆ ครั้งและรุ่งพิเศษนี้อีกเช่นกันได้เกิดปฎิหาริย์ให้กับผู้ที่บูชาพกติดตัว แล้วมากมายเช่นเหรียญรุ่งพิเศษกับกริ่งหนุมานถึงกับเป็นข่าวพาดหัวในหน้า หนังสือพิมพ์ต่างๆ มาแล้ว ซึ่งทุกท่านคงทราบดีและได้อ่านข่าวมาโดยละเอียดแล้วถึงความแคล้วคลาดใน เหตุการณ์อันน่าแปลกใจครับหนุมาน หลวงปู่เม้า พลวิริโย แบ่งออกได้เป็นสองพิมพ์ คือ ตัวหนังสือด้านหน้านูน กับ ตัวหนังสือ ด้านหน้าจม จะหล่อติดอยู่กับองค์หนุมาน ซึ่งด้านหน้าจะเขียนคำว่า "วัดสี่เหลี่ยม" ด้านหลังของหนุนาม จะเขียนว่า "หลวงปู่เม้า" ซึ่งบางตนจะติดชัด บางตนก็อาจไม่ค่อยติดชัดก็ให้พิจารณาอย่างอื่นประกอบด้วยครับ
วิธีการสังเกตุ ในการแยกบล็อค คือ ให้สังเกตุ ตัวหนังสือคำว่า "วัดสี่เหลี่ยม" จะนูนเด่นขึ้นมามองเห็นอย่างชัดเจน หนุมาน หลวงปู่เม้า จะมีกรรมวิธีการจัดสร้างจะสร้างโดยการหล่อแบบโบราณแกะบล็อคแล้ว เทหล่อทีละช่อ จะเห็นได้ว่าแต่ละตนจะไม่เหมือนกันทุกอย่าง นับว่าเป็นเสน่ห์ของพระหล่อจริง ๆ การเล่นหาเก๊ แท้ ก็สามารถแยกได้ง่าย เหมือนพระหล่อโดยทั่ว ๆ ไป ฐานใต้ขององค์พระก็จะมีการตะไบเก็บชิ้นงานให้เรียบร้อย รอยตะเข็บข้างก็จะมีการตกแต่งโดยการตะไบ ให้เรียบร้อย การแกะบล็อคก็จะแกะบล็อคเพียงครั้งเดียว แต่จะมีหลายแม่พิมพ์ ซึ่งเราสามารถสังเเกตุได้จากพระพักต์ของหนุมาน ซึ่งจะมีความแตกต่างกันได้อย่างเห็นได้ชัด
บล็อคตัวหนังสือจม ก็จะสังเกตุจุดเดียวกัน คือคำว่า "วัดสี่เหลี่ยม" ซึ่งจะเห็นว่าตัวหนังสือดังกล่าวจะจมลงในฐานของตัวหนุมาน ด้านหลังขององค์พระ ก็จะเขียนคำว่า "หลวงปู่เม้า" เช่นเดียวกันกับบล็อคตัวหนังสือนูน ขนาดขององค์พระ รูปทรง ตลอดจนพิมพ์ต่าง ๆ ก็จะเหมือนกันเกือบทุกอย่าง อาจจะสันนิฐานว่าตัวแม่พิมพ์จะมีหลายบล็อค เพื่อนำมากดในแบบแล้วทำการเทวัสดุซึ่งประกอบด้วยแผ่นยันต์ ตลอดจนมวลสารต่าง ๆ ลงในตัวแม่พิมพ์ดังกล่าว มนต์เสน่ห์ของพระหล่อคือความเป็นธรรมชาติของเนื้อหา สาระ ขององค์พระ สำหรับคอเครื่องราง ของขลัง ที่มีความชื่นชอบในกรรมวิธีของการหล่อ จะมีความชอบเป็นพิเศษ นี้แหละคือมนต์เสน่ห์ ของพระหล่อ อย่างแท้จริง
หนุมาน หลวงปู่เม้า พลวิริโย วัดสี่เหลี่ยม มีสองเนื้อ คือ เนื้อทองผสม ผิวจะออกทองเหลือง และ เนื้อสัมฤทธิ์ เนื้อจะแก่โลหะ ผิวจะออกสีแดง ซึ่งสามารถพิจารณามวลสารที่นำมาประกอบในการจัดสร้าง ก็ได้ความว่า ครั้นสมัยก่อนการที่จะมีการจัดสร้างพระเครื่องแต่ละครั้งใน ทางวัดจะมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไป นำวัตถุเครื่องทองเหลือง ทองแดง เครื่องใช้ที่ทำจากโลหะต่าง ๆ เช่น ช้อน ส้อม เนื้อฆ้องระฆัง เหล็กต่าง ๆ ที่พอจะหาได้ในท้องที่ นำมารวมกันเพื่อเป็นวัตถุดิบในการจัดสร้าง ซึ่งหลวงปู่ จะเป็นผู้กำหนดฤกษ์อันเป็นมงคล ถ้าเป็นการจัดสร้างหนุมาน ก็อาจจะหาฤกษ์ที่แข็งสามารถข่มให้หนุมานอยู่ในโอวาทตามคำสั่งของผู้เป็นนาย
จะเห็นได้จากตำนานแล้วว่า หนุมาน เป็นทหารเอกของพระราม ฆ่าไม่ตาย เกจิอาจารย์ที่สามารถปลุกเสกหนุมาน ให้ศักดิ์สิทธิ์เข้มแข็งแล้วล่ะก็ ต้องมีคาถาอาคมที่แก่กล้า จึงจะทำให้หนุมานมีความศักดิ์สิทธิ์ได้

Cr. ข้อมูล ตี๋ นครพนม , google ,หนังสือ "เครื่องรางของขลัง ขมังเวทย์ "โดย ป๋าพยัพ คำพันธุ์